fbpx
lively kingdom lively kingdom
Email
Facebook
lively kingdom
Line ID
@livelykingdom

ฝากวางเมนู กลุ่ม Order


เกี๊ยวน้ำหนึ่งชาม .. ก่อนจะจากกัน

หน้าหลัก  /  เกี๊ยวน้ำหนึ่งชาม .. ก่อนจะจากกัน

เกี๊ยวน้ำหนึ่งชาม .. ก่อนจะจากกัน

Article013

เกี๊ยวน้ำหนึ่งชาม .. ก่อนจะจากกัน

ที่ภัตตาคารในประเทศจีน ได้มีแขกสองคน หนึ่งชายหนึ่งหญิง แต่งตัวภูมิฐาน หิ้วกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบ ดูภายนอกแล้ว น่าจะเป็นสามีภรรยาที่เดินทางมาท่องเที่ยวกัน

บริกรหญิงยิ้มต้อนรับ ยื่นเมนูอาหารให้ ฝ่ายชายรับมาแล้วยื่นให้ผู้หญิง พูดว่า “เธอสั่งเถอะ อยากกินอะไรก็สั่งมา” ฝ่ายหญิงไม่มองเมนู เธอเงยหน้าขึ้น แล้วบอกบริกรหญิงว่า “ขอเกี๊ยวน้ำมาหนึ่งชามให้พวกเราก็พอ”

บริกรหญิงยืนอึ้ง คิดในใจว่ามาภัตตาคารหรูหราแล้วสั่งเกี้ยวน้ำทำไม และ ในภัตตาคารก็ไม่มีเกี๊ยวน้ำไว้บริการ เธอคิดว่า เธออาจฟังไม่ชัด จึงมองไปที่ลูกค้าผู้หญิง .. แขกผู้หญิงทวนคำความต้องการของตนเองอีกครั้ง ผู้ชายที่มาด้วยกันจึงพูดขึ้นมาว่า “กินเกี๊ยวทำไม? ใช่ว่าเราไม่มีเงิน” ผู้หญิงส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันต้องการจะกินเกี๊ยวน้ำ”

ฝ่ายชาย เห็นสายตาของบริกรหญิง เลยพูดด้วยความเขินอายว่า “ก็ได้ ขอสั่งเกี๊ยวน้ำสองชามแล้วกัน” .. “ไม่” ผู้หญิงพูดแทรกทันที “ขอเพียงชามเดียวเท่านั้น”

ผู้ชายไม่เข้าใจ “ชามเดียวกินยังไง?” ผู้หญิงเห็นผู้ชายขมวดคิ้ว จึงพูดว่า “คุณรับปากฉันแล้วไม่ใช่หรอ ว่าระหว่างการเดินทางจะยอมเชื่อฟังฉันทุกสิ่งทุกอย่าง” .. ฝ่ายชายเงียบสงบลงอย่างรวดเร็วทันที

บริกรหญิงที่ยืนอยู่ ยิ้มน้อยๆแล้วคิดในใจว่า “ผู้หญิงคนนี้ ยังไงกันน๊ะ มาภัตตาคารเพื่อจะกินเกี๊ยวน้ำ ซ้ำร้าย มาสองคนแต่กลับสั่งแค่หนึ่งชาม ” .. เธอเป้ปากใส่ แล้วพูดว่า “ขอโทษ ทางเราไม่ได้ขายเกี๊ยวน้ำ หากสองท่านคิดจะกินล่ะก็ เชิญไปกินแผงลอยข้างนอกเถอะ ”

ผู้หญิงได้ยินเช่นนั้น ก็รู้สึกประหลาดใจ คิดสักครู่แล้วจึงพูดว่า “ทำไมถึงไม่มีเกี๊ยวน้ำขายล่ะ? หรือ รังเกียจที่เห็นว่าเป็นออเดอร์เล็กๆถึงไม่อยากทำ?”

จังหวะนี้ เถ้าแก่ภัตตาคารเดินผ่านมาพอดี เขาได้ยินคำพูดของผู้หญิง เลยกวักมือเรียกบริกรหญิง ให้เดินมาหา บริกรบ่นกับเถ้าแก่ว่า “เถ้าแก่ค่ะ ดูสองคนนี้ซิค่ะ มานี่จะกินแต่เกี๊ยวน้ำ นี่ตั้งใจจะมาก่อความวุ่นวายชัดๆ”

เถ้าแก่ยิ้มเล็กน้อย แล้วโบกมือแสดงให้บริกรหญิงเงียบเสียง .. ที่จริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เพราะ จากการแต่งตัวของสองสามีภรรยาคู่นี้แล้ว ดูไม่เหมือนผู้ไม่มีอันจะกิน .. ยังไงก็แล้วแต่ โอกาสในการขายมาถึงแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะผลักไสไล่ส่งลูกค้า เขาจึงกำชับบริกรหญิงด้วยเสียงเบาๆว่า “เธอไปซื้อเกี๊ยวน้ำมาจากข้างนอกหนึ่งชาม จำนวนเงินเท่าไหร่ เดียวเช็คบิลค่อยเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งเท่า” .. พูดจบแล้ว เขาจึงลากเก้าอี้มานั่งแอบเฝ้าสังเกตสามีภรรยาแปลกประหลาดคู่นี้

ผ่านไปสักครู่ บริกรหญิงได้ยกเกี๊ยวน้ำร้อนๆมาหนึ่งชาม วางลงด้านหน้าของผู้หญิง พูดว่า “เชิญรับประทานได้”

เมื่อเห็นเกี๊ยวน้ำ ดวงตาผู้หญิงเจิดจ้าขึ้นมาทันที ก้มหน้าลงไปใกล้ๆเกี๊ยวน้ำ แล้วสูดหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้น ใช้ช้อนคนเกี๊ยวน้ำอย่างเบาๆ เธอมองอย่างหลงไหล..แต่ยังไม่ยอมตักใส่ปาก

ผู้ชายโมโหตาเขม่น หันมองรอบๆ เขารู้สึกว่าผู้คนรอบข้างล้วนจ้องมองพวกเขา ด้วยสายตาประหลาด เขาอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี จึงพูดด้วยความโมโหว่า “ไม่เข้าใจจริงๆว่า เธอคิดทำอะไรอยู่ เราเดินทางกันมาตั้งไกลกว่าจะถึงที่นี่ .. แค่เพื่อจะมากินเกี๊ยวน้ำชามนี้เหรอ?”

ผู้หญิงตอบว่า “ฉันชอบ” .. ผู้ชายหยิบเมนูอาหารขึ้นมาจากโต๊ะ แล้วพูดว่า “เธอชอบกินก็กินไปเถอะ! ผมหิวมาทั้งวันแล้ว ต้องกินซักหน่อย” เขากวักมือเรียกบริกรหญิงเข้ามา .. เขาสั่งอาหารรวดเดียวไปเจ็ดแปดอย่าง

ผู้หญิงรอผู้ชายสั่งอาหารเสร็จแล้ว ก็พูดกับบริกรหญิงว่า “เธอควรถามเขาก่อนว่า มีเงินหรือไม่” .. ผู้ชายโมโหเลือดขึ้นหน้า “คนอย่างผมน่ะเหรอ จะไม่มีเงินกิน?” พูดไปมือก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋า

ทันใดนั้น “เอ๊ะ! กระเป๋าตังค์ผมล่ะ?” เขารีบลุกขึ้นมา ทั้งตบทั้งบีบกระเป๋าทั่วตัว จึงรู้ในตอนนี้ว่า แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็หายไปด้วย .. เขามองไปที่ผู้หญิง

ผู้หญิงพูดอย่างช้าๆว่า “ไม่ต้องวุ่นวายหาแล้ว กระเป๋าเงินและโทรศัพท์มือถือ ฉันทิ้งลงแม่น้ำตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” ผู้ชายได้ยินก็โมโหมาก “เธอบ้าไปแล้วเหรอ?” ผู้หญิงทำเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงค่อยๆคนเกี๊ยวในชามต่อไป ..

ผู้ชายคิดอะไรขึ้นมาได้ เปิดกระเป๋าเดินทางออก ยื่นมือล้วงเข้าไป แล้วควานหาบางสิ่ง .. ผู้หญิงพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ไม่ต้องหาแล้ว นาฬิกาของเธอ แหวนของฉัน สิ่งล้ำค่าทุกอย่างที่นำติดตัวมา .. ฉันทิ้งลงแม่น้ำไปหมดแล้ว ทั้งตัวฉันมีเงินอยู่ห้าเหรียญ เพียงพอที่จะซื้อเกี๊ยวน้ำชามนี้ชามเดียวเท่านั้น”

ผู้ชายหน้าซีดทันที เค้าจ้องมองผู้หญิงด้วยความโมโห “เธอบ้าไปแล้วจริงๆ เธอบ้าไปแล้วจริงๆ พวกเราไม่มีเงิน เดินทางมาไกลขนาดนี้ แล้วเราจะกลับบ้านกันยังไง?”

สีหน้าผู้หญิงกลับเรียบสงบ พูดว่า “เธอจะกังวลอะไร พวกเรายังมีเท้าอยู่ เดินไปเดินไปเดี๋ยวก็ถึงบ้านเอง” ผู้ชายนิ่งเงียบ ผู้หญิงพูดต่อ “ยี่สิบปีก่อน พวกเราไม่มีเงินแม้แต่เซ็นเดียว ก็ยังกลับไปถึงบ้านได้ ท้องฟ้าเวลานั้น น่าหวาดกลัวกว่าตอนนี้อีก”

ผู้ชายได้ยินคำๆนี้ ตาค้าง “เธอพูด…เธอพูดถึงอะไร?” ผู้หญิงถามว่า “เธอจำไม่ได้แล้วจริงๆเหรอ?” ผู้ชายส่ายหัวด้วยความมึนงง ผู้หญิงถอนหายใจ แล้วพูดว่า ..

“แน่นอน หลายปีมานี้เราหาเงินได้มาก เวลาผ่านไป อะไรก็ลืมหมดแล้ว … ยี่สิบปีก่อน พวกเราเดินทางมาไกล เพื่อมาทำการค้าครั้งแรก นึกไม่ถึงว่าพวกเราจะถูกโกงจนหมดตัว แม้ค่าเดินทางจะเดินทางกลับบ้านก็ไม่มี … ในตอนนั้น เธอสั่งเกี๊ยวน้ำหนึ่งชามมาให้ฉันกิน ฉันรู้ดีว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเธอเหลือเงินเพียงห้าสิบเซ็นเท่านั้น”

ผู้ชายฟังถึงตรงนี้ สะท้านไปทั่วร่าง มองไปรอบๆ “ที่…ที่นี่” ผู้หญิงตอบว่า “ถูกต้อง เป็นที่นี่ ฉันไม่มีวันลืมเด็ดขาด … ตอนนั้น สถานที่แห่งนี้ เป็นเพียงร้านขายเกี๊ยวเล็กๆเท่านั้น”

ผู้ชายค่อยๆก้มหน้าลง ผู้หญิงหันไปบอกบริกรหญิงที่ยืนตะลึงอยู่ว่า “สาวน้อย ช่วยเอาชามเปล่าให้ฉันหนึ่งใบได้หรือไม่” บริกรหญิงนำชามเปล่าหนึ่งใบมาให้อย่างรวดเร็ว ผู้หญิงยกชามเกี๊ยวน้ำขึ้นมา แบ่งลงในชามเปล่าครึ่งนึง แล้วผลักเบาๆไปตรงหน้าผู้ชาย “กินเถอะ กินหมดแล้วพวกเราจะได้กลับบ้านพร้อมกัน” ..

ผู้ชายจ้องมองเกี๊ยวน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า จ้องมองเนิ่นนานแล้วจึงพูดว่า “ผมไม่หิว” ผู้หญิงนัยน์ตาคลอด้วยน้ำตา พูดกับตัวเองว่า “ยี่สิบปีก่อน คุณก็พูดอย่างนี้”..

ฝ่ายชายมองฝ่ายหญิงที่นั่งมองชามอย่างนิ่งเงียบ แล้วพูดว่า “ทำไมเธอยังไม่กินอีกล่ะ?” ผู้หญิงสะอึ้นร้องไห้ขึ้นมาทันที “ยี่สิบปีก่อน เธอก็ถามเช่นนี้เหมือนกัน ฉันจำได้ ตอนนั้นฉันตอบเธอว่า จะกินก็ต้องกินพร้อมกัน หากไม่กิน ก็ไม่ต้องกินทั้งคู่ … ในตอนนี้ ก็ยังคงเป็นคำตอบนี้อยู่”

ผู้ชายไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ ยื่นมือหยิบช้อนขึ้นมา ไม่รู้เพราะสาเหตุใด มือที่จับช้อนอยู่ สั่นเป็นอย่างมาก ตักหลายครั้งเกี๊ยวก็ยังคงหล่นลงมา สุดท้าย เขาสามารถตักเกี๊ยวชิ้นหนึ่งเข้าปากได้ เขากลืนอย่างแรง จงเกี๊ยวทั้งชิ้นไหลลงสู่ท้อง

ยามที่เขาตักเกี๊ยวชิ้นที่สอง ก็มีน้ำตาหลั่งไหลออกมาทันทีทันใด ผู้หญิงเห็นเขายอมกินแล้ว ใบหน้าเริ่มมีรอยยิ้ม หยิบช้อนขึ้นมา แล้วก็เริ่มกินเหมือนกัน เพียงเกี๊ยวเข้าปาก น้ำตาก็หลั่งไหลลงใส่ชามตรงหน้า

สามีภรรยาคู่นี้ ต่างกลืนกินเกี๊ยวที่คลุกเคล้าด้วยน้ำตาจนหมดชาม ..

ผู้ชายวางช้อนลง เงยหน้าขึ้น แล้วถามผู้หญิงด้วยเสียงเบาๆว่า “เธออิ่มหรือยัง?”

ผู้หญิงส่ายหัว .. ผู้ชายกระวนกระวาย .. ทันใดนั้น คล้ายเขานึกอะไรขึ้นมาได้

เขาก้มตัวลงถอดรองเท้าหนังออกมาข้างหนึ่ง ดึงแผ่นรองพื้นออก ล้วงมือเข้าไป .. คาดไม่ถึง เขาล้วงเงินออกมาห้าเหรียญ เขาชะงักไปชั่วครู่ .. มองดูเงินในมือด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

ผู้หญิงยิ้มๆ แล้วพูดว่า “ยี่สิบปีก่อน เธอโกหกฉันว่า เหลือเงินเพียงห้าสิบเซ็น สามารถซื้อเกี๊ยวได้เพียงหนึ่งชาม แท้จริงแล้ว เธอยังมีอีกห้าสิบเซ็น ซ่อนไว้ในรองเท้า .. ฉันรู้ เธอคิดจะซ่อนเงินห้าสิบเซ็นนั้น เพื่อรอให้ฉันบอกว่า ยังไม่อิ่ม เธอจึงค่อยเอาออกมาเพื่อสั่งให้ฉันกินอีกชามหนึ่ง”

“หลังจากที่เธอโดนบังคับ ให้กินเกี๊ยวไปครึ่งชาม .. เธอรู้ว่า ฉันต้องไม่อิ่ม จึงนำเงินนั้นออกมา ซื้ออีกชามให้ฉัน” เธอเงียบซักครู่แล้วพูดต่อ .. “ดีจังที่เธอจำได้ว่าเคยทำเช่นไรไว้ เงินห้าเหรียญที่ฉันซ่อนไว้ จึงไม่สูญเปล่า”

ผู้ชายนำเงินยื่นให้บริกรหญิง พร้อมพูดว่า “เอาเกี๊ยวน้ำมาให้พวกเราอีกหนึ่งชามนะ”

บริกรหญิงไม่ได้รับเงิน และ เดินจากไปอย่างเร็ว สักครู่ เธอยกเกี๊ยวน้ำชามใหญ่เต็มๆมาให้หนึ่งชาม

ผู้ชายเทใส่ลงในชามของผู้หญิงเกินกว่าครึ่ง “กินเถอะ ยังร้อนๆ” ผู้หญิงไม่ได้ขยับ เธอพูดว่า “ถ้ากินหมดแล้ว พวกเราก็ต้องเดินกลับบ้าน เธออย่าโกรธฉันนะ .. ฉันเพียงแค่อยากจะทนหิว ทนลำบากกับเธออีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย..ก่อนที่เราจะจากกัน”

ผู้ชายไม่พูดอะไรสักคำ ก้มหน้ากินเกี๊ยวพร้อมน้ำซุปคำโตๆ กินๆๆจนหมดเกลี้ยง เขาวางชามลง และ พูดเร่งเร้าผู้หญิงว่า “รีบกินเถอะ กินเสร็จแล้ว พวกเราจะเดินกลับบ้านกัน”

ผู้หญิงพูดว่า “วางใจเถอะ ฉันพูดคำไหนคำนั้น กลับไปแล้วฉันจะเซ็นชื่อทันที เงินที่คุณมี ฉันไม่ขอรับแม้แต่เซ็นเดียว คุณจะไปดีกับผู้หญิงคนไหนซักกี่คน ฉันก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคุณอีกแล้ว..”

ผู้ชายตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “กลับไป ผมก็จะนำใบหย่าไปเผาทิ้งเลย!!” พูดจบ เขาก็ร้องไห้เสียงดัง “ผมผิดไปแล้ว สมองผมเพี้ยนไปแล้ว ผมลุ่มหลงไปกับการใช้ชีวิตที่ร่ำรวย จนทำให้ผมเผลอไผไป จนลืมคู่ชีวิต ลืมความทุกข์ยากในอดีตจนหมดสิ้น ว่าพวกเราเคยร่วมทุกข์ ร่วมลำบากกันมาเพียงไรกว่าจะมีทุกวันนี้ ผมมันไม่ใช่คน จริงๆ ..”

ใบหน้าของฝ่ายหญิง แสดงรอยยิ้มออกมา เธอกินเกี๊ยวน้ำครึ่งชามจนหมดอย่างสงบ จากนั้น พูดกับบริกรหญิงว่า “กรุณาคิดเงินด้วยค่ะ”

เถ้าแก่ที่เฝ้าดูมาตลอด ตื่นจากภวังค์ตรงหน้า รีบก้าวเท้าเดินเข้ามาขวางมือผู้หญิงไว้ เขากลับล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าตนเอง แล้วยื่นให้ฝ่ายหญิง พร้อมพูดว่า “ในเมื่อพวกคุณกลับถึงบ้านแล้วจะเผาใบหย่าทิ้งทันที แล้วเพราะอะไรจึงยังจะต้องเดินกลับล่ะ?”

ผู้หญิงและผู้ชาย หันมองเถ้าแก่อย่างช้าๆ เถ้าแก่ยิ้มแย้มแล้วพูดว่า “พวกเราเป็นคนคุ้นเคยกันมานานแล้ว ยี่สิบปีก่อน เกี๊ยวที่พวกคุณกิน ผมเป็นคนขายเอง เกี๊ยวนั้น ภรรยาผมทำมากับมือเอง!”

พูดจบ เถ้าแก่ก็เอาเงินยัดเยียดใส่ในมือผู้ชาย แล้วหันหลังเดินจากไป

เถ้าแก่เดินเข้าไปในห้องทำงาน เปิดลิ้นชัก หยิบใบหย่าที่กรอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จ้องมองอยู่อย่างนั้นครึ่งค่อนวัน พร้อมกับรำพึ่งกับตนเองว่า “ดูท่า สมองของฉันก็เพี้ยนไปแล้วเหมือนกัน .. ฉันใช้ชีวิตที่ร่ำรวยแล้ว ลุ่มหลงไปกับสิ่งต่างๆ จนเพี้ยนไปหมดแล้วจริงๆ” จากนั้น ก็ได้จุดไฟเผาใบหย่าแผ่นนั้นทิ้งไป ..

เครดิต: facebook.com/SpreadYourWings.Wide

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

รวมลิงค์ ธนาคาร และ สถาบันการเงิน

รวมลิงค์ขนส่ง

อัตราแลกเปลี่ยน : สั่งซื้อสินค้า
วันที่ 27/9/2024
5.19