fbpx
lively kingdom lively kingdom
Email
Facebook
lively kingdom
Line ID
@livelykingdom

ฝากวางเมนู กลุ่ม Order


หนุ่มเกาหลี “อี ยอง สอก” เขาขายผัก ผลไม้ และ ปลา ด้วยความสุขสนุกสนาน จนเป็นมหาเศรษฐี ตั้งแต่อายุเพียง ๓๐ กว่าๆเท่านั้น!

หน้าหลัก  /  หนุ่มเกาหลี “อี ยอง สอก” เขาขายผัก ผลไม้ และ ปลา ด้วยความสุขสนุกสนาน จนเป็นมหาเศรษฐี ตั้งแต่อายุเพียง ๓๐ กว่าๆเท่านั้น!

หนุ่มเกาหลี “อี ยอง สอก” เขาขายผัก ผลไม้ และ ปลา ด้วยความสุขสนุกสนาน จนเป็นมหาเศรษฐี ตั้งแต่อายุเพียง ๓๐ กว่าๆเท่านั้น!

Article009

หนุ่มเกาหลี “อี ยอง สอก” เขาขายผัก ผลไม้ และ ปลา ด้วยความสุขสนุกสนาน จนเป็นมหาเศรษฐี ตั้งแต่อายุเพียง ๓๐ กว่าๆเท่านั้น!

⭐ ร้านของเขาปัจจุบันมี 8 สาขา ทุกวันจะมีลูกค้ามารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด
⭐ ไม่มีตู้แช่แข็งเพราะขายปลาหมดเกลี้ยงในวันเดียว
⭐ ขายสินค้าในสต็อกให้เหลือ 0%
⭐ ลูกค้าเชื่อใจมาก ซื้อโดยไม่ถามคุณภาพของผักผลไม้ก่อนซื้อสินค้า
⭐ หากผลไม้ที่ซื้อไปไม่ถูกปากลูกค้า ยินดีรับคืน
⭐ กว่าครึ่งหนึ่งลูกค้าเดินทางมาจากที่ไกลเพื่อซื้อสินค้าจากร้าน
⭐ พนักงานมีรายได้ดีเท่ากับการทำงานในบริษัทใหญ่ๆ
⭐ พนักงานของร้านได้ไปดูงานต่างประเทศ
⭐ พนักงานบางคนที่ทำงาน 5 ปีขึ้นไป ได้ไปดูงานต่างประเทศกว่า 15 ประเทศ
⭐ บริษัทใหญ่ยังต้องเข้าคิวมาศึกษาวิธีทำงานของร้านนี้
⭐ ร้านไม่เคยแจกใบปลิวหรือทำการโฆษณาใดๆ ลูกค้ามาจากการบอกต่อกันเท่านั้น

⚡⚡ เขาทำได้อย่างไร? ⚡⚡

☀ ก่อนจะมีวันนี้ ☀

“อียองสอก” ก็เหมือนหนุ่มเกาหลีทั่วไป คือเมื่อเรียนจบก็ทำงานบริษัทรับเงินเดือน และมีชีวิตแบบ “คนทำงาน” ทั่วไป รวมทั้งมีแฟนสาว(สวย)เป็นแอร์โฮสเตส

ชะตาชีวิตผันแปร เมื่อเขาทำงานหามรุ่งหามค่ำอดหลับอดนอนทำแผนงานเสนอ แต่เพราะความไม่มั่นใจกับงานชิ้นแรก เขาจึงนำไปให้รุ่นพี่ดูเพื่อขอคำปรึกษา ..รุ่นพี่คนนั้นส่ายหน้าบอกว่า “ไม่ผ่าน”

ซึ่งความจริง ..มันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผลสุดท้าย รุ่นพี่คนนั้นกลับนำผลงานของเขาไปพรีเซนต์นาย “อียองสอก” จึงตัดสินใจลาออก..ไปตายดาบหน้า

พร้อมกับความคิดที่วนเวียนถามตัวเองว่า “ไม่มีงานที่สนุกและซื่อสัตย์อยู่จริงๆ หรือ งานที่มีค่าตอบแทนกลับมาเท่ากับที่เราลงแรงไป งานที่มีชีวิตชีวาตลอดเวลา”

☀ จุดเปลี่ยน ☀

ชะตากรรมผันแปร เมื่อเขากลายเป็นคนตกงาน และไปนั่งคิดถึง”อนาคต” ที่ริมแม่น้ำฮัน

ที่นั่น เขาเห็นรถเร่ขายปลาหมึกแห้งท่าทางน่ากิน แต่พ่อค้าไม่ค่อยสนใจจะขายมากนัก คือจอดรถเข็นอยู่กับที่

“อียองสอก” นึกสนุก จึงขอเช่ารถเข็นจากพ่อค้าคนนั้น แล้วเดินไปขายต่อ

เขาใช้ความเป็นคนร่าเริง ขี้เล่น บวกกับวิธีขายแบบแปลกๆ จึงขายหมดใน 30 นาที ได้กำไรเท่าตัว คือซื้อมาจากพ่อค้า 2 หมื่นวอน เขาขายได้ 4 หมื่นวอน (ประมาณ 1,200 บาท)

“แบบนี้.. สนุกดีเนอะ” เจ้าตัวคิด และบอกกับตัวเองในใจว่า

“เรา เจอแล้ว !! การค้าขายคือความซื่อสัตย์ ที่เดิมพันแพ้ชนะกันด้วยคุณภาพเท่านั้น”

☀ หนทางหมื่นลี้..ต้องมีก้าวแรก ☀

เขาตัดสินใจเรียนรู้การค้าขายในปี 1993 โดยติดตามพ่อค้าปลาหมึกตระเวนไปทั่ว เพื่อเรียนรู้พื้นฐานของการค้าขายโดยไม่ได้เงินเดือนใดๆ

จนเมื่อครบหนึ่งปี จึงออกมาทำการค้าขายผักผลไม้ โดยการเดินไปเรียนรู้การเลือกผักผลไม้ในตลาดค้าส่งที่ใหญ่ที่สุด คือ ตลาดสดการัก

แรกๆโดนปฏิเสธ บางครั้งถูกดุด่าไล่ บางครั้งถูกทำร้ายตบตี แต่อียองสอกก็จะเดินเข้าตลาดทุกวัน

เขาเริ่มการค้าผักด้วยการขับรถเร่ขายไปตามที่ต่างๆ หนทางการฝ่าฟันนั้นไม่ได้ง่ายเหมือนภาพความสำเร็จที่เห็นในปัจจุบัน การตั้งแผงเร่ขายแม้จะประหยัดต้นทุนเช่าร้านแต่ไม่มีลูกค้าประจำ ต้องกำหนดเวลาการขายตามสถานที่ต่างๆให้ลูกค้าคุ้นเคย

บางครั้งไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวในวันฝนตก บางครั้งนั่งตากหิมะที่เย็นเฉียบ จนบางครั้งอียองสอกก็เกิดอาการท้อใจ

หลายครั้งที่เขาไม่อยากตื่นมาเพื่อไปตลาด แต่ทุกครั้งที่เขารู้สึกท้อเบื่อกับสิ่งที่ต้องทำ เขาจะรีบไปโกนผมตัวเองเพื่อเป็นการควบคุมและเตือนสติตัวเองให้สู้ !!

☀ อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด ☀

มีบททดสอบเข้ามาวัดใจเขาอีกมากมาย…

ไม่ว่าการถูกพ่อค้าคนอื่นลงมือทำร้าย ถูกเจ้าหน้าที่ยึดแผงยึดสินค้า ไม่ว่าจะถูกทำร้ายกี่ครั้ง ไม่ว่าต้องไปจ่ายค่าปรับกี่ครั้ง แต่…เขาก็จะยังกลับมาขายของขายผักทุกครั้ง จนคนอื่นต้องยอมแพ้ในความมุ่งมั่นของเขาไปเอง

แต่บททดสอบชีวิตที่สาหัสสากรรจ์สำหรับเขา คือ …

พ่อแม่หญิงสาวที่เขารัก ยื่นคำขาดให้เขากลับไปทำงานบริษัทที่ดูมีอนาคตกว่าการทำงานต่ำต้อยอย่างคนขายผัก

แต่เขาก็ยังซื่อสัตย์กับตัวเอง เพราะนี่คืออาชีพที่ใช้สร้างชีวิต ซึ่งเขาตัดสินใจเลือกแล้ว…เขาจะไม่ยอมทิ้งความฝันของตัวเอง…เขาจะเดินหน้าต่อไป !!

1. อียองสอก ไม่ได้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์เพียงแค่คนเดียวแต่เขาถือว่า ผู้มีความรู้ในการเลือกผักและผลไม้ทุกคนในตลาดสดการัก เป็นผู้ให้ความรู้แก่เขา (ตลาดสดการัก เป็นตลาดสินค้าเกษตรกรรมขายส่งที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลี)

2. แตงโมที่ร้านของหนุ่มโสด มีราคาแพงกว่านิดหน่อย แต่รับรองเรื่องรสชาติได้ทุกลูก ส่วนเจ้าอื่นอาจถูกกว่า แต่มีแตงโมรสชาติดีจริงๆ แค่ไม่กี่ลูก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การซื้อแตงโมจากร้านเขา จะคุ้มค่ากับเงินที่ลูกค้าจ่ายมากกว่า

3. ระบบการหมุนเวียนสินค้า การขนส่งที่รวดเร็วเหนือใคร และการรับประกันคุณภาพสินค้า ทำให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อเยอะ ผักและผลไม้ จึงจำหน่ายออกไปได้อย่างรวดเร็วทันใจ เวลาในการจัดเก็บสินค้าจึงน้อย ดังนั้นเรื่องความสดใหม่ ก็ไม่ต้องพูดถึง

4. “ทำงานหนัก” อียองสอก ทำงานประมาณ 18 ชั่วโมงต่อวัน ชีวิตประจำวันของเขา ปกติจะตื่นตั้งแต่ ตี 2 ครึ่ง ไปถึงตลาดการักประมาณ ตี 3 ด้วยรถมอเตอร์ไซด์ จากนั้นจะเดินเลือกผัก ผลไม้ และปลา ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง สินค้าที่เขาเลือกจะถูกส่งไปหน้าร้านฮะนะซังฮเว ซึ่งเป็นร้านขายส่งของบริษัทผลไม้จุงอัง จากนั้นรถบรรทุกจะมาส่งถึงร้านขายผักของหนุ่มโสด ระหว่างที่อียองสอก ซื้อสินค้า พนักงานหนุ่ม 8 คน ที่ร้านจะทำความสะอาดร้านและเตรียมจัดสินค้าอย่างรวดเร็ว เพื่อเปิดร้านในเวลา 10 โมงเช้า เมื่อซื้อสินค้าเสร็จ เขาก็จะกลับไปที่ร้าน เวลามีลูกค้ามาก ๆ จะคึกคักทำให้ การขายมีชีวิตชีวา อียองสอกช่วยขายผักและผลไม้ เหมือนพนักงานคนอื่น ๆ หรือจัดการจราจรหน้าร้าน ไม่มีกำหนดเวลาอาหารกลางวันที่แน่นอน หากมีเวลาว่างนิดหน่อยจะผลัดเปลี่ยนกันไปทานอาหารกลางวัน ร้านจะปิดในเวลา 6 โมงเย็น แต่ใช่ว่างานจะเสร็จสิ้นเพียงแค่นั้น เพราะจะมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพนักงานและคำนวณยอดขายในวันนั้น ถ้าเสร็จเร็วก็ได้นอน 2 ทุ่ม หรือถ้าช้าหน่อยก็ได้นอนประมาณ 4 ทุ่ม ถือว่าต้องใช้ความ อดทนสูง หากไม่ใช่สิ่งที่ชอบ นับว่าเป็นเรื่องยากทีเดียว

5. ลูกค้าร้านขายผักของหนุ่มโสด มีประมาณวันละหนึ่งพันคน อียองสอกเป็นตัวแทนรสชาติที่ถูกปากของลูกค้าหนึ่งพันคนนั้น ถ้าอยากให้หนึ่งพันคนบอกว่าดีก็ห้ามทำงานแค่เพียงพอใช้ เพราะรสชาติที่ถูกปากสำหรับเขาใช้ความละเอียดสูงและทำไปอย่างเป็นธรรมชาติ และรู้ว่ามาตรฐานการเลือกผลไม้ของอียองสอกนั้นใช้ความพิถีพิถันสูง

6. อียองสอก ไม่มีความสามารถพิเศษอะไร เขาแค่เปลี่ยนวิธีซื้อสินค้า จำนวนมากในราคาถูก มาขายสินค้าจำนวนมาก แต่เป็นสินค้าคุณภาพดีที่สุด ในราคาที่เหมาะสม และได้กำไรสูงสุด ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามหลักที่ถูกต้อง ทำให้ลูกค้าได้สินค้ามีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม

7. “เข้าไปนั่งในใจลูกค้า” ร้านขายผักของหนุ่มโสดเปิดสิบโมงเช้า แต่ก่อนเปิดร้านก็มีลูกค้า มาต่อคิวรออยู่แล้ว ลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ส่วนมากเป็นแม่บ้าน ประมาณ 90 % ดังนั้นพนักงานจะเรียกลูกค้าว่า ‘คุณแม่’ ร้านขายผักของหนุ่มโสด ก็มีพนักงาน ที่เป็นหนุ่มโสด รวมทั้ง อียองสอก เจ้าของร้านด้วย และที่อายุน้อยที่สุด คือ 20 ต้น ๆ และอายุมากสุดก็ 30 ต้น ๆ ‘คุณแม่’ ก็มักชอบผู้ชายหนุ่ม ๆ ที่เป็นพนักงานของร้านหนุ่มโสดเพราะมีเสน่ห์อย่างหนึ่งซ่อนไว้ ทำให้ผู้คนรู้สึกสนุกสนานได้

8. “บริหาร ทุนมนุษย์ ให้เจริญงอกงาม” พนักงานขายก็มักจะจดจำลูกค้าและเรื่องราวของลูกค้าได้ดี คำทักทายต่าง ๆ ก็เป็นกันเอง มีอัธยาศัยไมตรีดีต่อกัน พนักงานแต่ละคนมีลูกค้าประจำ ประมาณสองร้อยกว่าคน เขาไม่ต้องทำบัตรเพื่อบันทึกข้อมูล รูปร่างหน้าตาของลูกค้าการแต่งตัว พฤติกรรม และเรื่องการสนทนากับลูกค้า และอื่น ๆ พวกเขาจะจำข้อมูลทุกอย่างที่ได้เห็นและได้ยินจากลูกค้าไว้ในสมองทั้งหมด ดังนั้น ข้อมูลที่พวกพนักงานหนุ่มจำนั้น จึงมีประโยชน์มากกว่าข้อมูลที่มีเป็นกระตั๊ก แต่นอนนิ่งอยู่ในบัตรสำหรับดูแลลูกค้า พนักงานขายก็จะเลือกจำเฉพาะสิ่งที่จำเป็น เช่น จำผลไม้ทุกชนิดที่ลูกค้าชอบเมื่อลูกค้าจะมา เขาก็จะหยิบไว้ให้ก่อนเลย เป็นต้น หรือเมื่อทราบว่าลูกค้าประจำป่วย ก็จะมีกระเช้าผลไม้ที่ชอบ นำไปเยี่ยมทันที และมีบริการส่งถึงบ้านด้วย

9. คุณภาพ “คน” = คุณภาพของ “กิจการ” อียองสอก จะช่วยให้พนักงานที่มี..ความคิดและความสามารถ “ถึง” สามารถออกไปเปิดกิจการของตัวเองได้ เขาจะสนับสนุน ทุกอย่างที่จะทำให้เปิดร้านได้ รวมถึงค่าเช่าร้านเท่าที่พนักงานต้องการ ถ้า..อียองสอก เห็นสีหน้าของพนักงานดูเหนื่อย มากๆ เขาจะสั่งให้ลาพักร้อนไปเลยและส่งพนักงานไปเที่ยว แถมจ่ายค่าเดินทางให้พนักงานไปเที่ยวที่ไหนก็ได้อีกด้วย แต่มีเงื่อนไขข้อเดียวคือ พนักงานจะต้องกลับมาทำงานต่อแน่ ๆ

ทุกวันนี้ “ร้านขายผักของหนุ่มโสด” กลายเป็นที่ทัศนศึกษาของนักศึกษาด้านการตลาด รวมทั้งบริษัทใหญ่ๆที่พาทีมขายไป “ดูงาน”ที่ร้านขายผักแห่งนี้ ส่วน “อียองสอก” ก็ทำหน้าที่เหมือนเป็น”อาจารย์นอกห้องเรียน” นอกจากนั้น “ร้านขายผักของหนุ่มโสด” ยังเป็นแหล่งงานที่คนหนุ่มสาวมากมาย อยากมาร่วมงานด้วย

วันนี้…อียองสอก ยังไม่ยอมหยุดพักแม้จะมีอายุมากแล้ว เพราะเขาเชื่อมั่นว่า ที่นี่เป็นสถานที่ที่มอบความกระตือรือร้นให้กับคนหนุ่มสาวได้อีกมากมาย เขาจะยังคงมอบคุณค่าเหล่านี้ให้กับผู้คนต่อไป…นี่แหละ “ชีวิตที่มีคุณค่า”

ขอบคุณ คุณ Chakkapan Thiarawat สำหรับบทความ และ การแบ่งปันเรื่องราวค่ะ
ขอบคุณ ครูพี่ม้อกที่ทำให้จอยคิดถึงหนังสือเล่มนี้ บทความนี้ คนๆนี้นะคะ ^_^

ขอบคุณค่ะ
จอย Dip PLRT, C.HT, NLP
facebook.com/SpreadYourWings.Wide

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

รวมลิงค์ ธนาคาร และ สถาบันการเงิน

รวมลิงค์ขนส่ง

อัตราแลกเปลี่ยน : สั่งซื้อสินค้า
วันที่ 23/3/2024
5.32